วิธีการวัดคุณภาพวิดีโอ
เรามีวิธีตรวจสอบอย่างไรว่าผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตสามารถให้บริการ YouTube ในแบบความละเอียดสูงได้อย่างต่อเนื่อง
การให้คะแนน
คะแนนนี้หมายถึงอะไร
คะแนนแสดงถึงคุณภาพของให้บริการวิดีโอที่คาดหมายได้ว่าจะได้รับ (อย่างน้อย 90% ของเวลาทั้งหมด) เมื่อคุณดู YouTube ผ่านเครือข่ายผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในพื้นที่หนึ่งๆ
  • ความละเอียดสูง (YouTube HD Verified): ผู้ใช้บนเครือข่ายที่ได้รับการรับรองจาก Youtube ว่าเป็นเครือข่ายความละเอียดสูง (YouTube HD Verified) สามารถชมวิดีโอจาก YouTube แบบความละเอียดสูง (720p ขึ้นไป) ได้โดยแทบจะไม่ติดขัดตลอดการรับชม
  • ความละเอียดมาตรฐาน (Standard Definition): ผู้ใช้บนเครือข่ายความละเอียดมาตรฐานสามารถชมวิดีโอจาก YouTube ที่มีความละเอียดมาตรฐาน (360p) ได้โดยไม่ติดขัด แต่อาจพบการติดขัดเป็นบางครั้งเมื่อชมวิดีโอจาก YouTube แบบความละเอียดสูง (720p ขึ้นไป)
  • ความละเอียดต่ำ (Low Definition): ผู้ใช้บนเครือข่ายความละเอียดต่ำอาจพบว่าภาพในวิดีโอมีลักษณะแตกพร่าและเกิดการติดขัดบ่อยครั้งเมื่อเล่นวิดีโอจาก YouTube ที่มีความละเอียด 360p ขึ้นไป
ทำไมข้อมูลนี้จึงมีประโยชน์
รายงานนี้อิงตามข้อมูลการดูวิดีโอของ YouTube หลายพันล้านไฟล์ผ่าน ISP หลายพันราย แทนที่จะอิงตามข้อมูลจากผู้ใช้กลุ่มตัวอย่างเล็กๆ
  • เราตรวจสอบความเร็วในการโหลดข้อมูลวิดีโอจาก YouTube ทั้งหมดในช่วง 30 วันที่ผ่านมา
  • เราแบ่งผลลัพธ์ตาม ISP และตามตำแหน่งทางภูมิศาสตร์
  • เราตรวจสอบความเร็วขั้นต่ำที่สามารถใช้งานได้ในช่วงเวลาอย่างน้อย 90% ของเวลาทั้งหมด
การรายงานคุณภาพนี้ปกป้องข้อมูลส่วนตัวของฉันอย่างไร
รายงานนี้เป็นข้อมูลการดูวิดีโอ YouTube ของทุกคนผ่าน ISP โดยที่ไม่มีการระบุชื่อบุคคล
  • คะแนนถูกคำนวณในระดับเครือข่าย ไม่ใช่ในระดับผู้ใช้
  • ตัวอย่างทั้งหมดจะไม่มีการระบุชื่อบุคคลใดๆ และจะไม่มีการจัดเก็บหรือนำข้อมูลของผู้ใช้ไปใช้
  • เราเพียงแค่แสดงผลลัพธ์สำหรับพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่มีขนาดใหญ่พอที่จะมีผู้ใช้จำนวนมากเท่านั้น

บทคัดย่อ

ปัจจัยที่ล้วนแต่ส่งผลต่อการใช้งานของผู้ใช้บนอินเทอร์เน็ตมีอยู่ด้วยกันหลายปัจจัย ซึ่งได้แก่ ความเร็วในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของผู้ใช้ ความเชื่อถือได้ในการเข้าถึงเครือข่าย ความพร้อมใช้งานและคุณลักษณะการโหลดเซิร์ฟเวอร์แอปพลิเคชัน ในบางกรณียังรวมถึงการกำหนดค่าเครือข่ายภายในบ้านของผู้ใช้ รวมทั้งปัจจัยอื่นๆ ตัววัดผลเฉพาะและแยกออกมา เช่น ความเร็วในการเข้าถึงหรือความจุของเซิร์ฟเวอร์ ไม่สามารถบันทึกการใช้งานของผู้ใช้ได้อย่างแท้จริง การวัดประสิทธิภาพในระดับแอปพลิเคชันจากต้นทางสู่ผู้ใช้ซึ่งรวมปัจจัยที่มีผลทั้งหมดในสมการจึงเป็นแนวทางที่เหมาะสมในการวัดผลและปริมาณเกี่ยวกับประสบการณ์ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตได้อย่างแท้จริง

ข้อมูลที่แสดงอยู่นี้เป็นวิธีการให้คะแนนผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ในแง่ความสามารถในการแสดงวิดีโอ YouTube โดยอ้างอิงการวัดประสิทธิภาพในระดับแอปพลิเคชันอย่างต่อเนื่อง โดยมีจุดประสงค์เพื่อแสดงการให้คะแนนที่เป็นประโยชน์ เข้าใจง่าย และสะท้อนให้เห็นประสบการณ์ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างใกล้เคียงกับความเป็นจริง

วิธีการ
การวัดค่า

การเล่นวิดีโอ YouTube โดยทั่วไปเริ่มจากการที่โปรแกรมฝั่งผู้ใช้ (client) ส่งคำร้องขอข้อมูลวิดีโอ (เช่น HTTP GET) เพื่อดึงข้อมูลวิดีโอในรูปแบบสตรีมมิงจากเซิร์ฟเวอร์หนึ่งในเครือข่ายนำส่งข้อมูล (Content Delivery Network : CDN) ของ YouTube การให้คะแนนคุณภาพแก่ ISP เริ่มจากการวัดความเร็วต่อเนื่องในการถ่ายโอนข้อมูลวิดีโอเหล่านี้จากเซิร์ฟเวอร์ไปยังผู้ใช้ ระบบจะบันทึกข้อมูลต่อไปนี้จากคำขอข้อมูลวิดีโอแต่ละครั้ง เพื่อวัดปริมาณข้อมูลระดับแอปพลิเคชันทั้งหมด ที่ผู้ใช้ได้รับ (Goodput)

  1. 1) ข้อมูลจากคำร้องขอ: เวลาเริ่มต้นคำร้องขอ, ข้อมูลเครือข่าย (เช่น กลุ่มหมายเลข IP ของเครือข่าย, หมายเลข Autonomous System (AS) ของ ISP), และตำแหน่งทางภูมิศาสตร์แบบคร่าวๆ (เช่น ประเทศ เมือง) ที่คำนวณจากคุณสมบัติฝั่งผู้ใช้ (เช่น หมายเลข IP, หรือ User Agent) ทั้งนี้ การคำนวณตำแหน่งภูมิศาสตร์จากหมายเลข IP อาจไม่แม่นยำสำหรับผู้ใช้บางคน
  2. 2) ขนาดการตอบสนอง: จำนวนไบต์ของข้อมูลระดับแอปพลิเคชัน (รวมทั้งข้อมูลส่วนหัวของแอปพลิเคชัน (application headers) แต่ไม่รวมข้อมูลระดับระบบปฏิบัติการ (kernel-level overhead)) ที่ถ่ายโอนโดยเซิร์ฟเวอร์ไปยังผู้ใช้ เพื่อตอบสนองคำขอดังกล่าว
  3. 3) เวลาตอบสนอง: เวลาที่ใช้เพื่อให้บริการตามคำขอของเซิร์ฟเวอร์ รวมทั้งเวลาส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย (จำนวนไบต์ทั้งหมดที่ผู้ใช้ได้รับ)

ระบบจะอาศัยการวัดผลเหล่านี้เพื่อคำนวณค่า Goodput สำหรับคำขอ "R" ที่กำหนดโดยใช้สูตรด้านล่างนี้ แต่ละคำขอที่มีการวัดผลดังกล่าวจะถือเป็นหนึ่งหน่วยข้อมูลตัวอย่าง (sample) ของ Goodput

Goodput
R
= ขนาดการตอบสนอง
R
/ เวลาตอบสนอง
R
คะแนน

คะแนนจะได้จากการรวมตัวอย่าง Goodput ที่เกี่ยวข้องซึ่งได้รับการบันทึกในขั้นการวัดผล วิธีการนี้รองรับการคำนวณคะแนนที่แบ่งย่อยในหลายระดับและหลายกลุ่มเป้าหมาย ตัวอย่างเช่น คะแนนของ ISP สามารถคำนวณได้ตามส่วนเวลาที่แตกต่างกัน (เช่น ชั่วโมง วัน สัปดาห์ และเดือน) และ/หรือระดับทางภูมิศาสตร์ที่หลากหลาย (เช่น ประเทศ จังหวัด เขต หรือเมือง)

สำหรับระยะเวลาที่กำหนด "T" (เช่น 30 วันต่อมา) และตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ "L" (เช่น กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย) คะแนนของ ISP "P" (เช่น TOT) จะได้รับการคำนวณตามวิธีต่อไปนี้

  1. 1) รวมตัวอย่างที่เกี่ยวข้อง: รวบรวมข้อมูล Goodput ทั้งหมดจากกลุ่มเป้าหมาย (คำร้องขอในช่วงระยะเวลาเป้าหมาย "T" จาก ISP เป้าหมาย "P" ไปยังตำแหน่งเป้าหมาย "L")
  2. 2) คำนวณปริมาณ Goodput ที่สูงกว่าเกณฑ์ (Goodput Above Threshold : GAT): จำแนกข้อมูลคำร้องขอทั้งหมดจากกลุ่มเป้าหมาย เป็น 3 ระดับ ได้แก่ HD (ความละเอียดสูง), SD (ความละเอียดมาตรฐาน) หรือ LD (ความละเอียดต่ำ) ตามค่าเกณฑ์ Goodput ที่ระบุไว้ในตารางด้านล่าง ซึ่งจะเป็นการระบุปริมาณ GAT รวมสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เลือก
ระดับ GAT ค่าเกณฑ์ Goodput เหตุผล
HD (ความละเอียดสูง) > 2.5 Mbps Goodput ขั้นต่ำที่จำเป็นต่อการรักษาการเล่นวิดีโอ HD บน YouTube โดยเฉลี่ยที่ความละเอียด 720p
SD (ความละเอียดมาตรฐาน) 0.7 ถึง 2.5 Mbps Goodput ขั้นต่ำที่จำเป็นต่อการรักษาการเล่นวิดีโอ SD บน YouTube โดยเฉลี่ยที่ความละเอียด 360p
LD (ความละเอียดต่ำ) < 0.7 Mbps Goodput น้อยเกินกว่าที่จะรักษาการเล่นวิดีโอ SD บน YouTube ที่ความละเอียด 360p
ปริมาณข้อมูล (GAT)
วิดีโอ HD
วิดีโอ SD
วิดีโอ LD
  1. 3) กำหนดเกณฑ์การให้คะแนน: เกณฑ์การให้คะแนน ISP จะกำหนดโดยสอดคล้องตามระดับขั้นต่ำของความต้องการปริมาณ GAT สำหรับการให้คะแนนแต่ละระดับ เนื่องจากเมตริกนี้ออกแบบมาเพื่อสะท้อนความสม่ำเสมอและเชื่อถือได้ของเครือข่าย ISP จึงต้องกำหนดคะแนนในระดับซึ่งแสดงถึงประสิทธิภาพที่ยั่งยืนมากกว่าประสิทธิภาพโดยทั่วไป (โดยเฉลี่ย) เพื่อให้ได้ผลเช่นนั้น เราจึงกำหนดระดับคะแนนไว้ 3 ระดับ ได้แก่ GAT-90 (90% ของคำขออยู่สูงกว่าค่าเกณฑ์), GAT-95 (95% ของคำขออยู่สูงกว่าค่าเกณฑ์), GAT-99 (99% ของคำขออยู่สูงกว่าค่าเกณฑ์) เพื่อแสดงความน่าเชื่อถือในระดับที่แตกต่างกัน

    ตารางต่อไปนี้ระบุเกณฑ์ที่ใช้กำหนดคะแนน ISP ขั้นสุดท้ายในวิธีการของเรา โดยใช้ค่า GAT-90 ระดับ 90% ถูกเลือกหลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบถึงประสิทธิภาพที่ใช้ได้จริงตามที่สังเกตได้จากการทำงานดังกล่าว ระดับนี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามความสามารถในการให้บริการของเครือข่ายที่จะพัฒนาในเวลาต่อไป

การให้คะแนน เกณฑ์ (GAT-90) เหตุผล
HD (ความละเอียดสูง) ตัวอย่าง 90+%
จัดอยู่ในระดับ HD
เครือข่ายมอบประสิทธิภาพการใช้งาน YouTube ที่สม่ำเสมอและเชื่อถือได้ในระดับ HD (720p)
SD (ความละเอียดมาตรฐาน) ตัวอย่าง 90+%
จัดอยู่ในประเภท SD เป็นอย่างน้อย
เครือข่ายมอบประสิทธิภาพการใช้งาน YouTube ที่สม่ำเสมอและเชื่อถือได้ในระดับ SD (360p)
LD (ความละเอียดต่ำ) ไม่อยู่ในเกณฑ์ข้างต้น เครือข่ายมอบประสิทธิภาพการใช้งาน YouTube ที่ไม่สามารถเชื่อถือได้
  1. 4) กำหนดคะแนน: เรียงช่วง GAT 3 ช่วงจากขั้นตอนที่ 2 เพื่อแปลงปริมาณดิบของ GAT ให้เป็นเปอร์เซ็นต์ GAT กำหนดคะแนนขั้นสุดท้ายโดยใช้เกณฑ์ที่ระบุไว้ในขั้นตอนที่ 3 ในภาพประกอบด้านล่าง คะแนนที่กำหนดให้คือ SD (ความละเอียดมาตรฐาน) เนื่องจากคำขอ 90&#37; หรือมากกว่านั้นเป็นไปตามเกณฑ์นี้ (ซึ่งหมายความว่า เครือข่ายสามารถมอบคุณภาพในระดับ SD ได้เป็นอย่างน้อยสำหรับคำขอ 90&#37; ที่ให้บริการ)
เปอร์เซ็นต์
100
90
80
70
60
50
40
30
20
10
0
ระดับคะแนนที่ 90%
ความเป็นส่วนตัว

การให้คะแนนเน้นที่เครือข่าย ไม่ใช่ผู้ใช้ ตัวอย่าง Goodput ทั้งหมดจะไม่มีการระบุชื่อบุคคลใดๆ และไม่มีการจัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้ (เช่น คุกกี้ของเบราว์เซอร์ หรือที่อยู่ IP) หรือใช้งานโดยตรงในอัลกอริทึมการให้คะแนน นอกจากนี้ หากปริมาณตัวอย่างโดยรวมสำหรับระดับทางภูมิศาสตร์และช่วงเวลาที่เลือกอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์ อัลกอริทึมจะลดลงไปใช้มิติข้อมูลแบ่งย่อยที่ละเอียดน้อยกว่าเดิม (เช่น รวมตามตำแหน่งภูมิศาสตร์และ/หรือช่วงเวลาที่กว้างกว่า) ซึ่งตรงกับความต้องการด้านขนาดขั้นต่ำในการคำนวณคะแนน

คำถามที่พบบ่อย
  1. 1) ISP ให้บริการอินเทอร์เน็ตหลายประเภทซึ่งมีความเร็วแตกต่างกันไป วิธีการวัดคุณภาพวิดีโอให้คะแนนบริการแต่ละประเภทแยกจากกันหรือไม่
    ISP แต่ละรายสามารถให้ข้อมูลรายชื่อและความเร็วของบริการต่างๆของ ISP กับทางเรา ซึ่งทางเราจะใช้ข้อมูลนี้ในการวัดคุณภาพวิดีโอโดยจำแนกตามประเภทบริการต่างๆของ ISP นั้น ในกรณีที่เราไม่มีข้อมูลจากทาง ISP เราจะวัดคุณภาพวิดีโอแบบเหมารวมทุกรูปแบบการบริการของ ISP นั้น
  2. 2) ทำไมการวัดคุณภาพจึงใช้ระดับคะแนนที่ 90% ทำไมไม่ใช้ค่าเฉลี่ยหรือค่ากลาง
    Google เชื่อว่าประสิทธิภาพของเครือข่ายที่สม่ำเสมอและเชื่อถือได้เป็นสิ่งสำคัญต่อประสบการณ์ใช้งานที่ยอดเยี่ยมของผู้ใช้บนอินเทอร์เน็ต เราจึงเลือกใช้ระดับคะแนนที่ 90% ซึ่งหมายความว่า ผู้ใช้สามารถคาดหวังระดับประสิทธิภาพตามคะแนนนี้ได้ 9 จาก 10 ครั้ง ในขณะที่ค่าเฉลี่ยและค่ากลางเป็นประโยชน์ในการแสดงประสิทธิภาพโดยเฉลี่ยของเครือข่าย แต่ไม่เหมาะที่จะใช้ในการวัดระดับประสิทธิภาพที่ยั่งยืนของเครือข่าย
  3. 3) วิธีการวัดคุณภาพนี้สามารถระบุและสนับสนุนเครือข่ายที่คงประสิทธิภาพในช่วงเวลาที่มีการใช้บริการสูงได้หรือไม่
    ได้ เนื่องจากปริมาณ GAT นี้อิงตามปริมาณการใช้งาน ดังนั้นช่วงเวลาที่มีปริมาณการใช้งาน YouTube สูง (เช่น ตอนเย็น) จะมีผลต่อค่า GAT มากกว่าปกติ วิธีการนี้จึงเป็นค่าบรรทัดฐานสำหรับการใช้งาน
  4. 4) การให้บริการวิดีโอประเภทใดที่ถูกนำมาใช้ในการคำนวณคะแนน
    การให้บริการวิดีโอในรูปแบบใหม่ (เช่น DASH, HLS) จะถูกนำมารวมในการคำนวณคะแนน การให้บริการวิดีโอในรูปแบบดั้งเดิม (เช่น non-adaptive progressive playbacks, RTSP) จะไม่ได้ถูกนำมารวมในการคำนวณเนื่องจากไม่มีวิธีการวัดคุณภาพที่แม่นยำ ทั้งหมดนี้เพื่อให้แน่ใจในความแม่นยำในการวัดคุณภาพของ ISP
  5. 5) มีปัจจัยใดบ้างที่อาจส่งผลต่อคุณภาพการรับชมวิดีโอของผู้ใช้
    คุณภาพการรับชมวิดีโอของผู้ใช้แต่ละคนอาจแตกต่างกันตามปัจจัยต่างๆ เช่น จำนวนผู้ใช้หรืออุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์และการกำหนดค่าซอฟต์แวร์ การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (ไร้สายหรือต่อสาย) และคุณใช้ข้อมูลเกินโควต้าที่ได้รับแล้วหรือไม่
รายงานคุณภาพวิดีโอ
ดูผลลัพธ์คุณภาพวิดีโอสำหรับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ของคุณ
สิ่งที่ YouTube ทำอยู่
เราต้องการให้ทุกคนใช้งานเว็บได้เร็วยิ่งขึ้น และนี่คือสิ่งที่เรากำลังทำอยู่
การสนับสนุนการบริการของ YouTube
เคล็ดลับแก้ปัญหาในการเพิ่มคุณภาพของการชมวิดีโอ